การที่มีรูปหน้าและใบหน้าที่เรียวสวยกำลังที่กระแสนิยมยอดฮิตของหนุ่มๆสาวๆทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะใครๆก็อยากจะมีใบหน้าที่เรียวสวยได้รูปกันทั้งนั้น จึงมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจโดยวิธีต่างๆ อาทิ การร้อยไหม ฉีดโบท๊อกซ์ สลายไขมันด้วยเมโสแฟต รวมถึงการกระชับด้วยเครื่องมือทางแพทย์ HIFU หรือ Ulthera
ในวันนี้ทางคลินิกเสริมความงามเชียงใหม่ พรีมาดอนน่าคลินิกจะขอนำเสนอ การปรับรูปหน้าและกระชับหน้าเรียว 5อันดับที่นิยมยอดฮิตในการทำหน้าเรียวที่เชียงใหม่ ที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากลและน่าเชื่อถือ
1. การฉีดโบท๊อกซ์
เมื่อพูดถึงการฉีดโบท๊อกซ์ ซึ่งถือว่าเป็นการเสริมความงามยอดฮิตติดอันดับของหนุ่มๆสาวๆที่ต้องการอยากจะมีใบหน้าที่เรียวสวย โดยการฉีดสาร BOTOX ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโปรตีนที่มีความบริสุทธิ์ ไปตรงส่วนบริเวณกราม เพื่อให้สารตัวนี้เข้าไป ช่วยทำให้กร้ามเนื้อกรามฝ่อตัวเล็กลง การฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวและสวยมากขึ้น
ผลของการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์จะนำโบท็อกซ์มาฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณกรามเพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผลที่ตามมาหลังการฉีด Botox คือ กล้ามเนื้อกรามจะเล็กลง ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นนั่นเอง โดยขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์ใช้น้ำเกลือปลอดเชื้อในการผสมโบท็อกซ์แล้วหลังจากนั้นแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กในการฉีดจึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อยมาก และสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังการฉีดโดยไม่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล โดยยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายหลังการฉีด 7-14 วัน และอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์เป็นสารที่ออกฤทธิ์ชั่วคราวอยู่ประมาณ 4-6 เดือนหลังฉีดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถเลือกหรือตัดสินใจฉีดแต่ละครั้งตามความพอใจ
การปรับรูปหน้าด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ราคาไม่สูงเหมือนการทำศัลยกรรมปรับรูปหน้าแบบอื่นๆ เห็นผลไว และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น โดยสามารถออกไปข้างนอกหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติทั้งทำการฉีดโบท๊อกซ์
2. การสลายไขมันด้วยเมโสแฟต
การฉีดสลายไขมันด้วยเมโสแฟต คือการฉีดวิตามินเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อลดกระชับสัดส่วนให้ได้รูปตามความต้องการ เป็นวิธีสลายไขมันแบบเฉพาะจุด โดยมีสารประกอบหลัก ๆ คือ Phosphatidylcholine (สกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง) และวิตามินหลายชนิด วิธีนี้ถือว่ามีความปลอดภัยมาก เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ สามารถสลายออกจากร่างกายได้ดี ดังนั้นอาการแพ้จึงมีน้อย
ข้อดีของการฉีดเมโสแฟต
ในปัจจุบัน มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมัน ให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้น เร็วขึ้น และมีผลข้างเคียง เรื่อง การฟกช้ำหลังฉีดน้อยลง ใช้เวลาในการทำน้อยลง ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
นอกจากนี้เมโสแฟต ยังทำหน้าที่ขัดขวางการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยการกระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมาทำให้หน้าเรียวขึ้น และยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และระบบต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย และผลของการฉีดเมโสแฟตยังช่วยยกกระชับผิวหนังให้เต่งตึงขึ้น ใบหน้าดูเรียบร้อยขึ้น
ตำแหน่งที่นิยมทำการสลายไขมันด้วยวิธีเมโสแฟต
1. ลดไขมันที่แก้มให้หน้าเรียวเล็ก
2. ลดไขมันที่คาง (เหนียง)
3. ลดไขมันที่ต้นขา ต้นแขน
4. ลดไขมันที่พุง หน้าท้อง
ขั้นตอนการฉีดสลายไขมันด้วยเมโสแฟต
แพทย์ผสมยาและการฉีดน้ำยาสลายไขมันในบริเวณแก้มที่มีไขมันสะสมอยู่หลังจากที่ฉีดสลายไขมันเข้าที่บริเวณผิวหนังแล้วไขมันจะเริ่มหดตัว หรือเริ่มลดจำนวนเซลล์ไขมันลง ประมาณ 10-20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ทำให้ขนาดแก้มในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะดูใหญ่กว่าที่ต้องการได้ แต่หลังจากน้ำยาทำการสลายไขมันให้เริ่มแตกตัวได้ แก้มจะค่อย ๆ ยุบตัวเรื่อย ๆ จนหน้าเรียวอย่างเห็นได้ชัดเจน
อาการหลังฉีดยาสลายไขมันเมโสแฟต อาจจะมีแผลขนาดเล็กมากซึ่งเป็นรอยเข็มตามบริเวณที่ฉีดเท่านั้น หลังการอาจมีรอบเขียวช้ำ อาจมีอาการบวมน้ำยาเป็นเวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงหลังการฉีดและหลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ยุบลง
3. การร้อยไหมหน้าเรียว
การร้อยไหมหน้าเรียวถือว่าเป็นการทำศัลยกรรมอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งเป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ไม่ต้องลงมีดผ่าตัด ไม่ต้องนอนพักฟื้น และมีผลข้างเคียงน้อยมาก จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความสนใจสำหรับหนุ่มๆสาวๆที่อยากได้หน้าเรียวสวยแบบไม่ต้องเจ็บตัวมาก พักฟื้นไม่นาน บวมช้ำไม่เยอะ
ข้อดีของการร้อยไหมที่หน้า
การร้อยไหมช่วยปรับรูปหน้าเรียวสวยได้รูป อีกทั้งยังช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย ทำให้หน้าเป็นรูปวีเชฟ การร้อยไหมเห็นผลลัพธ์ทันที หลังทำอีกทั้งการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งจะทำให้ผิวเกิดการกระชับตึงขึ้นอีกด้วย
ชนิดของไหมที่นิยมใช้
1. เส้นไหมเรียบ (Mono threads) เป็นเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือปุ่ม หรือเกลียว ไหมชนิดนี้นิยมนำมาใช้กับบริเวณคอ หน้าผาก และใต้ตา เส้นไหมชนิดนี้จะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงแต่ไม่ได้ช่วยยกชั้นผิวหนัง
2. เส้นไหมที่มีเงี่ยง (Cog threads) เป็นเส้นไหมเส้นเดียวแต่มีเงี่ยงตลอดแนวไหม เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะด้านในชั้นผิวหนัง เงี่ยงมีประโยชน์ทำหน้าที่คล้ายโครงสร้างที่จะช่วยยกเนื้อเยื่อหรือผิวหนังที่หย่อนยาน คอลลาเจนจะถูกกระตุ้นให้มีการสร้างขึ้นใหม่รอบเส้นไหมและบริเวณเงี่ยง เส้นไหมชนิดนี้เหมาะกับการยกกระชับบริเวณคาง ปรับรูปหน้าให้เรียว
3. เส้นไหมเกลียว (Screw threads) เป็นเส้นไหมเส้นเดียวหรือสองเส้นเกลียวเข้าด้วยกัน เส้นไหมชนิดนี้มีประโยชน์ช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบตัวหรือเป็นแอ่ง เส้นไหมเกลียวจะให้ผลแข็งแรงกว่าไหมเส้นเรียบ ส่วนใหญ่ไหมเกลียวเหมาะกับการยกชั้นผิวหนังที่หย่อนยานเพื่อปรับให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
ข้อเสียของการร้อยไหม
ขณะที่ร้อยไหมมีความเจ็บ ต้องมีการฉีดยาชา หลังการร้อยไหม จะมีอาการบวมแดง ช้ำตามแนวการสอดไหม หากร้อยไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีผลข้างเคียง คลำปมไหมได้ หรือเห็นปลายไหมโผล่อย่างชัดเจน การร้อยไหม มีความเสี่ยงกับการใช้ไหมที่ไม่ได้มาตรฐานมากว่าการทำศัลยกรรมหน้าเรียวด้วยวิธีอื่น
4.การยกกระชับด้วย HIFU therapy
HIFU คือ นวัตกรรมความงามรูปแบบใหม่ที่ให้ผลทางด้านลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้าและร่างกาย Hifu Macrofocus ซึ่งการยกกระชับผิวเพื่อลดริ้วรอยในเชียงใหม่ มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นเพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัวเสมือนกับการเย็บที่เนื้อ ซึ่งเป็นการดึงหน้าและยกกระชับผิวในเชียงใหม่นั้น ที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น จึงมีความปลอดภัยสูงและไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก (เพราะไม่ใช่ laser และไม่ใช่คลื่นแสง) อีกทั้งคลื่นเสียงนี้ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถช่วยเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง
ข้อดีของการทำHIFU
HIFU เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อยไปจนถึงริ้วรอยมาก และสามารถทำได้บ่อยครั้ง และหลังการทำ HIFU ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้
ผู้ที่ทำ HIFU จะรู้สึกอุ่นๆ บนผิวขณะทำ ผิวจะไม่แสบร้อน แต่ทางคลินิกในเชียงใหม่อาจจะจำเป็นต้องใช้ยาชา เพราะเป็นคลื่นที่มีความถี่สูงถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที ทำให้ผู้เข้ารับการบริการรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหลังจากการทำ แต่ก็สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้นนั่นเอง
HIFU แก้ไขปัญหาด้านไหนได้บ้าง
HIFU ในคลินิกเชียงใหม่สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว ปัญหาริ้วรอยบนผิวหน้า และรอบดวงตา หนังตาตก ทำให้คิ้วยกขึ้น ดวงตาโต และลดปัญหาชั้นไขมันใต้คาง ลดเหนียง ลดคาง 2 ชั้น รวมถึงไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณร่างกาย
ทางคลินิกยังสามารถทำได้ทั้งบริเวณเอว, หน้าท้อง, สะโพก, ต้นแขน, ต้นขา ท้องแขน รวมถึงบริเวณที่ยากจะเข้าถึง HIFU จึงเหมาะกับทุกคนที่มีปัญหาเรื่องรูปร่าง
5.การยกกระชับผิวด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ Ulthera
Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เครื่องเลเซอร์ที่มีชื่อว่า Ultrera เพื่อส่งผ่านพลังงานคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง โดยเจาะจงไปยังบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS (Superfical Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ทำการผ่าตัดสำหรับดึงใบหน้านั่นเอง โดยคลื่นเสียงนี้จะลงไปเป็นจุดเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอ และทิ้งระยะห่างระหว่างจุดประมาณ 1 – 1.5 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์จะสามารถมองเห็นชั้นผิวหนังผ่านหน้าจอขณะทำการรักษาได้ทันที จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาและมีความปลอดภัยสูงด้วยเช่นกัน
ระบบการทำของ Ulthera เพื่อยกกระชับผิวจะส่งพลังงานเสียง ไปยังชั้นผิวหนังที่ต้องการรักษาจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน โดยเน้นกระตุ้นที่เซลล์ไฟโบรลาสต์ของชั้น SMAS ให้มีการหดตัวเหมือนกับการเย็บเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใหม่ ซึ่งเป็นหลักการแบบเดียวกับการดึงหน้าด้วยวิธีการผ่าตัดที่ใช้ในการยกกระชับผิวให้เต่งตึงของเชียงใหม่
หลังจากการทำผิวหน้าจะค่อยๆ ยกกระชับและตึงขึ้น พร้อมกับผิวที่ค่อยๆ เรียบเนียนขึ้นจนดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาทำประมาณ 30 – 60 นาที โดยเห็นผลลัพธ์ทันทีตั้งแต่หลังการรักษา และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1 – 2 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ของแต่ละบุคคลนั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลรักษาหลังการทำ Ulthera อีกด้วย
ข้อดีของการทำ Ulthera
เนื่องจากการยกกระชับผิวของเชียงใหม่เป็นการใช้คลื่นพลังงานความร้อนที่สามารถส่งตรงไปยังเนื้อเยื่อ บริเวณที่ต้องการแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำตรงจุด ดังนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยสูง ใบหน้าจะกลับมากระชับ ลดจุดด่างดำต่างๆ ผิวจะเรียบเนียนใสขึ้นโดยไม่ต้องยุ่งยาก และให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งการยกกระชับผิวของเชียงใหม่ ด้วยระบบUlthera มีส่วนช่วยให้ผิวมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการทำทันที อาทิเช่น
- ยกกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เสริมสร้างคอลลาเจนแบบ Rebuild & Repair กระตุ้นให้สร้างใหม่และซ่อมแซมของเดิม
- ผิวกระชับ เรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง
- เห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำถึง 30% และเห็นผลชัดเจนหลังทำ 3 เดือน
- ใช้เวลาในการทำเพียง 30-60 นาที
- เห็นผลยาวนานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- หลังทำสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ใช้ชีวิตประจำวันดังเดิม
อย่างไรก็ตามการกระชับใบหน้าหรือการปรับรูปหน้าให้เรียวตามความต้องการของแต่ละบุคคลต้องขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจร โดยทางพรีมาดอนน่าคลนิก เป็นคลินิกเสริมความงามที่มีทีมแพทย์ผู้เชียวชาญเฉพาะด้าน ยาวนานสิบกว่าปี พร้อมที่จะให้คำปรึกษาและบริการแก่ผู้ที่เข้าใช้บริการทุกท่าน