จี้ไฝ ติ่งเนื้อ รักษาฝ้า กระ หูด พรีมาดอนนาคลินิก เชียงใหม่

Facebook Instagram

การดูแลหลุมสิวด้วยด้วยการเลเซอร์ Fraxel เชียงใหม่


การดูแลหลุมสิวด้วยด้วยการเลเซอร์ Fraxel

        สิว เป็นสภาวะปกติที่เกิดขึ้นกับผิวหนังได้ โดยเฉพาะใบหน้า เมื่อเกิดแล้วก็หายไป โดยอาจทิ้งรอยรอยไว้เป็นแผลเป็น รอยแดง รอยดำที่คอยกวนใจทุกครั้งเมื่อส่องกระจก   โดยเฉพาะ หลุมสิว ที่หายยาก ดังนั้นเมื่อสิวขึ้นทุกครั้ง เราจะต้องดูแลรักษาสิวให้หายอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด หลุมสิว ตามมา ซึ่งสาเหตุของการเกิดรอยสิวนั้นเกิดจากกระบวนการการรักษาตัวเองของร่างกายหลังจากเกิดบาดแผลหรือการอักเสบ โดยส่วนมากถ้าการอักเสบหรือบาดเจ็บเกิดแค่ผิวชั้นบนก็จะไม่ทิ้งรอยแผลที่ยุบตัวให้เห็น แต่ถ้าหากเกิดในชั้นที่ลึกลงยังผิวชั้นใน การรักษาแผลจะสร้างพังผืดที่ดึงรั้งทำให้ผิวหนังยุบลงไป จึงเกิดเป็นหลุมสิวนั่นเอง และทางคลินิกทางเชียงใหม่มีวิธีการรักษารอยสิว และหลุมสิวด้วยการเลเซอร์หลุมสิวแบบ Fraxel 
        การรักษารอยสิวแบบFraxel ทางเชียงใหม่จะใช้เครื่อง Fraxel ใช้เลเซอร์ระดับ Gold Standard ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่าปลอดภัย และเสริมประสิทธิภาพในการรักษาได้อย่างน่าทึ่ง โดยการปล่อยคลื่นแสงในช่วง Mid Infrared ที่จะเข้าไปในทุกอณูผิว เปรียบเสมือนการปลูกผิวใหม่โดยจะซ่อมแซมผิวทีละจุดเล็กๆ นับพันจุด หลังทำไม่เกิดรอยแผลเป็น ไม่มีผลข้างเคียง เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่อง เดือนละครั้ง Fraxel จะกระตุ้นให้เกิดผิวใหม่ และ ผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้คุณได้มีสภาพผิวเรียบเสมอกัน มีผลต่อการรักษาสิวเรื้อรัง ริ้วรอยสิวเก่า หรือ สิวเห่ออักเสบ และรักษาริ้วรอยผิวแตกลายต่างๆให้ผิวเรียบเสมอกัน ซึ่งวิธีนี้มักจะได้ผลประมาณ 50-70% ถ้าสาวๆ ทำการรักษาตั้งแต่ 10 ครั้งขึ้นไป 
ประเภทของหลุมสิวจะถูกแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ
 
1. Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด)
2. Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง)
3. Rolling scar (ระดับทั่วไป)
การดูแลตนเองหลังการรักษาหลุมสิว
        ซึ่งหลังจากการรักษาหลุมสิวของเชียงใหม่นั้นมีการปฏิบัติตนหลังการรักษาหลุมสิวดังต่อไปนี้ หลังจากการทำ Fraxel 4 - 5 วัน ช่วงนี้ผิวหนังของท่านเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คำแนะนำดังต่อไปนี้จะช่วยให้ท่านผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังได้ดีขึ้น
-    การบำรุงผิวหน้าตามปกติ ควรเริ่มหลังจากการทำ Fraxel 2 สัปดาห์
-    ใช้สารจำพวก มอยซ์เจอไรเซอร์ ( Moisturizer ) ทาบริเวณใบหน้าบ่อยๆ
-    หลีกเลี่ยงการใช้ยาจำพวกเรตินอยด์ ( โรแอคิวเทน, เรติโนวา เป็นต้น ) ทั้งรูปแบบการกินและการทา อย่างน้อย 2 สัปดาห์
-    ระวังการออกแดดโดยตรง หากจำเป็นควรใช้เสื้อแขนยาว กางร่ม ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 ทาบริเวณใบหน้าบ่อยๆ ทุก 2 - 3 ชั่วโมง
-    ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ใช้โฟมล้างหน้าที่ไม่มีฟอง ล้างทำความสะอาดวันละ 2 ครั้ง เช้า ก่อนนอน และทามอยซ์เจอไรเซอร์ ( Moisturizer ) ร่วมกับ ครีมกันแดด 
-    หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาจำพวกพาราเซตามอลได้ ควรหลีกเลี่ยงยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียร์รอย เช่น แอสไพริน หรือ บรูเฟน เป็นด้น โดยเฉพาะ 24 ชั่วโมงแรก หลังทำ Fraxel
คำแนะนำหลังจากทำ FRAXEL
ภายหลังการทำ Fraxel ทันที
        ใบหน้าของท่านจะมีความรู้สึกแสบคล้ายออกแดดมาเป็นเวลาทั้งวัน อาจมีการบวมเกิดขึ้น ควรนอนหมอนสูงเพื่อลดการบวม รวมทั้งใช้ครีมกันแดด และทามอยซ์เจอไรเซอร์ ( Moisturizer ) อาจรับประทานยาแก้ปวดจำพวกพาราเซตามอลได้ถ้ามีอาการปวดมาก
1 - 2 วันหลังการทำ Fraxel
        ใบหน้าอาจมีการบวม แดง มากขึ้นได้ อาจมีความรู้สึกคล้ายกระดาษทรายบริเวณใบหน้า ในช่วงนี้ควรนอนหมอนสูง ควรทามอยซ์เจอไรเซอร์ ( Moisturizer ) และครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง
3 - 4 วันหลังทำ Fraxel
        ใบหน้าเริ่มมีการลอกตัว ซึ่งความมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล  ในช่วงนี้ควรทามอยซ์เจอไรเซอร์ ( Moisturizer ) และครีมกันแดดบ่อยๆ
        เมื่อใบหน้ามีการลอกตัวจนทั่วแล้ว กระบวนการสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของใบหน้าจะเกิดขึ้น  ริ้วรอยจะจางลง รูขุมขนจะกระชับขึ้น สีผิวจะเรียบเนียนขึ้น และประสิทธิภาพจะเพิ่มมากขึ้นหากทำอย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์