รวมโปรแกรมฟื้นฟูแผลเป็นคีลอยด์กับพรีมาดอนน่าคลินิก
รวมโปรแกรมฟื้นฟูแผลเป็นคีลอยด์กับพรีมาดอนน่าคลินิก
ว่ากันด้วยเรื่องรอยแผลเป็นนั้น เกิดจากกระบวนการรักษารอยแผลของร่างกาย เพื่อฟื้นฟูและสร้างเนื้อเยื่อ ซึ่งประเภทของรอยแผลเป็นนั้นมีหลายประเภท และประเภทที่รุนแรงและรักษายากมากที่สุด ก็คือรอยแผลเป็นชนิดคีลอยด์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการรักษา และก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาเพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน โดยในวันนี้พรีมาดอนน่าคลินิก ขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการรักษารอยแผลเป็นชนิดคีลอยด์
แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนเงาและขยายใหญ่กว่าแผลเป็นที่เกิดขึ้น ในช่วงแรกๆ จะปรากฏเป็นสีแดงแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือซีดลง โดยอาจเกิดขึ้นทันทีที่แผลหายหรือหลังจากที่แผลหายดีได้สักพัก บางครั้งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีกว่าจะก่อตัวขึ้นมา อาจทำให้รู้สึกเจ็บ คัน ระคายเคืองและส่งผลกระทบถึงเรื่องความสวยความงาม สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักขึ้นตาม หน้าอก หัวไหล่ หลัง ลำคอ และติ่งหู ซึ่งแผลเป็นคีลอยด์จะคงอยู่เป็นเวลาหลายปี
การรักษาแผลเป็นคีลอยด์ในเชียงใหม่
1.การผ่าตัด เป็นวิธีการตัดแผลออกหรือลดขนาดของแผลเป็นให้เล็กลง ซึ่งการตัดแผลจะทำโดยการผ่าตัดบริเวณที่เป็นแผลออกแล้วเย็บปิดเป็นเส้นตรง มักใช้ในกรณีที่เป็นแผลขนาดเล็กและเกิดขึ้นตามร่างกายในส่วนที่พอจะเย็บแผลได้ บางส่วนของร่างกายก็ไม่สามารถใช้วิธีการผ่าตัดได้ เช่น ผิวหนังบริเวณหน้าท้องที่มีความยืดหยุ่นสูง หรือในบางกรณีอาจจะใช้วิธีการผ่าตัดแผลเป็นคีลอยด์ออกเป็นรูปซิกแซก เพื่อให้แผลที่เกิดขึ้นใหม่มีลักษณะย่นตามผิวหนัง
2.การฉีดยาเสตียรอยด์ (Intra lesional corticosteroid) เพื่อลดการอักเสบของแผล ซึ่งแพทย์จะใช้ยา Triamcinolone acetonide ซึ่งเป็นยาฉีดเฉพาะที่ ฉีดเข้าไปในบริเวณที่เป็นแผลเป็นคีลอยด์โดยตรง โดยผู้ป่วยควรทำการฉีดยาอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ความถี่ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยากับแผลเป็นว่ามีผลเป็นอย่างไร
3.การฉายรังสี (Radio therapy) เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเป็นนูนมากขึ้น โดยแพทย์อาจใช้การฉายรังสีผ่านเครื่อง SRT (Stereotactic Radiotherapy) ซี่งเป็นการฉายรังสีพลังงานสูงไปยังบริเวณรอยแผลเป็นที่มีความแม่นยำสูง โดยจะแบ่งการฉายแสงออกเป็นหลายๆ ครั้ง (Fractionation) เพื่อลดผลข้างเคียงจากการฉายแสง การรักษาด้วยวิธีนี้จะไม่สามารถทำให้แผลเป็นคีลอยด์หายขาดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่จะช่วยป้องกันไม่ให้แผลเป็นขยายใหญ่ขึ้นอีกในอนาคต
4.เลเซอร์รอยแผลเป็นคีลอยด์ (Laser therapy) เพื่อทำลายเนื้อเยื่อรอยแผลเป็น ทั้งนี้แพทย์อาจใช้วิธีการอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การกรอผิวเพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น
5.การทำไอพีแอล (Intense pulse light – IPL) สามารถทำให้เนื้อเยื่อหรือพังผืดเกิดการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ช่วยให้แผลเป็นมีขนาดเล็กลง วิธีนี้อาจต้องใช้เวลา และการดูแลรักษา แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาอย่างต่อเนื่อง
โดยวิธีการรักษารอยแผลเป็นชนิดต่างๆนั้น มีการรักษาที่แตกต่างกัน เพราะรอยแผลเป็นแต่ละชนิดมีลักษณะไม่เหมือนกัน ซึ่งทางพรีมาดอนน่าคลินิก มีเทคนิคและนวัฒกรรมที่ทันสมัย พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลความงาม พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับความงามกับลูกคาทุกๆท่าน