ฟื้นฟูรักษาลดเลือนรอยแผลกับพรีมาดอนน่าคลินิก
ฟื้นฟูรักษาลดเลือนรอยแผลเป็นกับพรีมาดอนน่าคลินิก
แผลเป็นเกิดจากกระบวนการรักษาแผลที่เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ มีการสร้างเนื้อเยื่อซึ่งเป็นคอลลาเจน (collagen) มาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป เป็นกระบวนการสมานรักษาแผลตามธรรมชาติ และเมื่อแผลหายดีแล้ว ก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นหลักฐาน ณ บริเวณที่เกิดแผล
แผลที่มักทำให้เกิดรอยแผลเป็น ได้แก่ แผลผ่าตัด แผลจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ แผลสิว แผลจากโรคสุกใส เป็นต้น
รอยแผลเป็นที่เห็นกันทั่วไปจะเป็นรอยแผลเป็นที่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงรอยแผลเป็นเกิดขึ้นได้กับอวัยวะภายในได้ด้วยเช่นกัน
การรักษารอยแผลเป็นในเชียงใหม่
ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่นำมาเพื่อใช้รักษาหรือลดขนาดของแผลเป็นให้ลดน้อยลง เช่น การผ่าตัด การฉีดยาคอร์ติโคสตีรอยด์ การฉายรังสี การใช้ความเย็น การรักษาด้วยเจลซิลิโคน (silicone gel) ครีมวิตามินอี ยาครีมบางชนิด การปล่อยให้ดีขึ้นเอง เป็นต้น
อย่างไรก็ดี วิธีการรักษาแผลเป็นส่วนใหญ่มักไม่มีเอกสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือเพียงพอว่าได้ผลดี
ตามแนวทางการดูแลรอยแผลเป็น ของ The International Clinical Guidelines for Scar Management 2002 ได้สรุปไว้ว่า การรักษาแผลเป็นที่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือเพียงพอ มีเพียง ๒ วิธี เท่านั้น ได้แก่ แผ่นเจลซิลิโคน (silicone gel sheet) และการฉีดคอร์ติโคสตีรอยด์ (intralesional steroid injection)
๑. แผ่นเจลซิลิโคน (silicone gel sheet)
เป็นแผ่นซิลิโคนใสที่เหมาะสำหรับแผลเป็นที่มีสีแดงหรือสีคล้ำหรือนูน ซึ่งมีรายงานว่าเมื่อใช้แผ่นเจลซิลิโคนแล้วจะช่วยให้สีของแผลจางลงและแผลแบนราบลงได้
ในการใช้แผ่นเจลซิลิโคนนี้ไม่ควรจะใช้ในขณะแผลเปิด ควรเริ่มใช้ทันทีที่แผลปิดสนิทหรือหลังตัดไหมสำหรับแผลเย็บ โดยปิดแผ่นเจลซิลิโคนนี้ทับแผลเป็นหรือคีลอยด์เป็นระยะเวลานานมากกว่า ๑๒ ชั่วโมงต่อวัน (อาจเริ่มต้นด้วยระยะเวลาน้อยๆ และเพิ่มขึ้นจนมากกว่า ๑๒ ชั่วโมงต่อวัน) จะช่วยให้แผลเป็นนี้ยุบลงได้ โดยที่ไม่เจ็บ แต่ใช้เวลาอาจจะประมาณ ๔-๖ เดือน
แผ่นซิลิโคนใสนี้ สามารถนำมาล้างทำความสะอาด ใช้สบู่ฟอก ใช้น้ำสะอาดล้าง แล้วผึ่งให้แห้ง นำมาใช้ปิดแผลเป็นได้จนกว่าจะปิดไม่อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถใช้ได้นาน ๑๔-๒๘ วัน
๒. การฉีดยาคอร์ติโคสตีรอยด์ (Intra lesional corticosteroid)
การฉีดยาสตีรอยด์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะศัลยแพทย์ตกแต่ง (plastic surgeon) จะฉีดยาสตีรอยด์นี้เข้าใต้ตำแหน่งของแผลเป็น ซึ่งจะช่วยให้แผลเป็นนั้นนุ่มลงและแบนราบลงได้
ยานี้ควรใช้เมื่อใช้แผ่นซิลิโคนใสแล้วยังไม่หายดี ขนาดของยาที่ใช้อยู่ระหว่าง ๑๐-๑๒๐ มิลลิกรัมต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็น ควรให้ทุก ๔-๖ สัปดาห์ ซึ่งได้ผลพอใช้ได้ แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บขณะที่ฉีดยา และต้องมาฉีดเป็นระยะตามที่แพทย์นัด นอกจากนี้ ในบางรายอาจทำให้แผลยุบตัวและสีผิวเปลี่ยนได้
การใช้ทายาสตีรอยด์ทาบริเวณแผลเป็น จะช่วยบรรเทาอาการคัน ตึง ปวด เพื่อไม่ให้ลุกลามขึ้น แต่ไม่ช่วยให้แผลเป็นหรือคีลอยด์ยุบลงได้
๓. การผ่าตัด
การผ่าตัดจะช่วยจัดตำแหน่งร่องรอยแผลเป็นให้ดูดีขึ้นได้ แต่ทุกครั้งที่มีการผ่าตัดก็จะเกิดแผลเป็นใหม่แทนที่แผลเป็นเก่าเสมอ การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ได้ผลดีพอสมควร แต่ยังขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็นด้วย
๔. การทาด้วยครีมวิตามินอี
มีบางรายงานที่อ้างว่า วิตามินอี ช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งแพทย์บางคนแนะนำให้ใช้ แต่มีรายงานการศึกษาเปรียบเทียบขี้ผึ้งวิตามินอีกับยาหลอก พบว่าขี้ผึ้งวิตามินอีไม่ช่วยให้แผลเป็นดีขึ้นแตกต่างจากยาหลอก อีกทั้งมีรายงานการเกิดผื่นแพ้สัมผัสจากขี้ผึ้งวิตามินอี ถึง ๑ ใน ๓ ของผู้ที่ใช้ขี้ผึ้งวิตามินอีอีกด้วย
บทความดังกล่าวเป็นเพียงเทคนิคเล็กน้อยที่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น ไม่ได้เป็นวิธีทั้งหมด ซึ่งทางพรีมาดอนน่าคลินิกเป็นสถาบันดูแลความงามทั่วเรือนร่าง พร้อมที่จะให้บริการและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณโดยผ่านการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ซึ่งมีเทคนิคการแพทย์ที่หลากหลายพร้อมให้บริการลูกค้าทุกๆท่าน